Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

ปฏิบัติการด้านความปลอดภัยจะทำงานอัตโนมัติโดยสมบูรณ์ได้หรือไม่?

     ภัยคุกคามไซเบอร์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว กำลังสร้างแรงกดดันอย่างหนักให้กับทีมปฏิบัติการด้านความปลอดภัย เนื่องจากการขยายขนาดการทำงานเพื่อรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ๆ ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลทั้งบุคลากร เทคโนโลยี และงบประมาณ หากปรับตัวได้ไม่ทันกับการแจ้งเตือนปริมาณมหาศาล และสิ่งที่ต้องทำเพื่อจัดการกับปัญหาเหล่านั้น องค์กรอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่สูงขึ้น และอาจส่งผลให้ปฏิบัติการด้านความปลอดภัยจำนวนมากหยุดชะงัก

     ระบบอัตโนมัติ (Automation) มอบโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมงานเพื่อรับมือกับความท้าทายได้จริง แต่ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายทั้งหมด องค์กรไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือปรับขนาดการป้องกันได้เพียงติดตั้งระบบอัตโนมัติในศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย (SOC) เท่านั้น เพราะภัยคุกคามและเทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทำให้ข้อกำหนดในการทำงานของมนุษย์เปลี่ยนตามไปด้วย และยังไม่สามารถลดบทบาทของมนุษย์ออกไปได้อย่างสิ้นเชิง

     ระบบอัตโนมัติที่ทำงานสมบูรณ์แบบนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะจะต้องมีความแม่นยำอย่างไร้ที่ติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ โดยการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างรวดเร็วนั้นหมายความถึงว่าเมื่อทีมจัดการทำให้บางอย่างให้เป็นอัตโนมัติแล้ว ปัญหาใหม่ ๆ อีกเป็น 10 อย่างจะเกิดขึ้นตามมา ฉะนั้นแนวคิดที่มองว่าการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในความรับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย (SOC) จะสามารถถูกแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์นั้นไม่เป็นความจริง

    การใช้ AI ทำงานร่วมกับระบบอัตโนมัติภายใน SOC เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากมีข้อมูลบันทึก (Log Data) ขนาดใหญ่ วิธีการสืบสวนที่ซับซ้อน จับรูปแบบได้ยาก และข้อกำหนดด้านทักษะที่หลากหลายยังคงจัดการได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ

     แม้ว่า AI และระบบอัตโนมัติไม่สามารถมอบความเป็นอิสระได้อย่างเต็มที่ แต่จะสร้างความสามารถในการขยายขนาดที่จำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเสริมบทบาทภายใน SOC และปรับตัวให้เข้ากับข้อกำหนดในอนาคตโดยไม่จำเป็นต้องปรับปรุงครั้งใหญ่

 การบรรลุผลลัพธ์ที่มีผลกระทบมากขึ้น

    ระบบอัตโนมัติและ AI กำลังเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของผู้บริหารเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นไปได้หรือปฏิบัติได้จริงภายในทีมปฏิบัติการด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นศูนย์กลางกลยุทธ์

     ในทางกลับกันการพัฒนากลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปยังการขยายศักยภาพการทำงานอย่างก้าวกระโดดในกระบวนการปฏิบัติการด้านความปลอดภัย การปรับปรุงประสิทธิภาพของทีมผ่านโครงการต่าง ๆ และเสริมด้วยการใช้ทั้ง AI และระบบอัตโนมัติ การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า 25% ของงาน SOC พื้นฐานจะประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น 50% ภายในปี 2027 เนื่องจากการปรับปรุงระบบอัตโนมัติและกลยุทธ์ด้านHyperscaling

     ความคิดริเริ่มของ SOC ที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพงานและขั้นตอนการทำงาน แทนที่จะเป็นระบบอัตโนมัติแบบ End-to-End จะได้ผลลัพธ์ที่มีผลกระทบสำคัญมากขึ้น จากการตั้งเป้าหมายในการขยายบทบาทของ SOC อาทิ การสืบสวนเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น การให้บริบทการแจ้งเตือนแทนการให้ข้อมูลเป็นขั้นตอนการทำงานหรือบทบาททั้งหมด

     ศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงการจัดสรรงบประมาณจากเครื่องมือรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติงานไปสู่โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติและโซลูชันที่ส่งเสริมการใช้ AI นั้นมีสูง ดังนั้นควรขยายงบประมาณเพื่อรวมความสามารถของ AI หรือมองหาผู้ขายที่สามารถทำได้ทั้งระบบอัตโนมัติและ AI ภายในโซลูชันเดียวได้

 การก้าวขึ้นมาของ GenAI

GenAI ให้คำมั่นสัญญามากมายกับทีมปฏิบัติการด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจะช่วยปิดช่องว่างต่าง ๆ เช่น การขาดแคลนกำลังคนและความสามารถในการตรวจจับและตอบสนอง อย่างไรก็ตาม การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า 30% ของผู้นำ SOC จะล้มเหลวในความพยายามที่จะรวม GenAI เข้ากับกระบวนการผลิตภายในปี 2027 เนื่องมาจากความไม่ถูกต้องและภาพลวงตา (Hallucinations) จากผลลัพธ์ที่ได้

     มีองค์กรไม่กี่แห่งที่พิจารณานำ GenAI มาใช้สร้างขั้นตอนใหม่ในการประมวลผลการแจ้งเตือนและเหตุการณ์ที่สร้างโดยเครื่องมือปฏิบัติการด้านความปลอดภัย ซึ่งการขาดการวางแผนนี้หมายความว่าการชดเชยที่ไม่เพียงพอสำหรับการตรวจสอบผลลัพธ์และการดำเนินการที่อาจได้รับอิทธิพลจากความไม่ถูกต้องของ GenAI

     ยังขาดการให้ความสำคัญกับการวัดมูลค่าและผลกระทบของ GenAI ในกระบวนการต่าง ๆ ของ SOC ซึ่งหมายความว่าองค์กรไม่สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพการใช้จ่ายไปกับความสามารถของ GenAI ได้ ซึ่งนำไปสู่การใช้เวลาอย่างมากเพื่อย้อนกลับไปวิเคราะห์มูลค่าที่ได้รับ

     กระบวนการของ SOC ที่มีอยู่เดิม ต้นทุนด้านบุคลากรและเทคโนโลยี ถือเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนการเริ่มคิดถึงโครงการ AI SOC โดยการทำความเข้าใจถึงศักยภาพของการประหยัดนั้นจะเป็นประโยชน์กับกรณีทางธุรกิจใด ๆ และสามารถใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานเพื่อเปรียบเทียบมูลค่าที่ได้รับจากการใช้ AI ในอนาคต

เปรียบเทียบระหว่างการสร้างกับการซื้อ AI

     ทีมงานปฏิบัติการด้านความปลอดภัยได้เห็นผลลัพธ์ที่ไม่ดีนักจากเทคโนโลยี AI ที่พัฒนาไปจนสุดแล้ว เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้และระบบภายในองค์กร (User and Entity Behavior Analytics) สิ่งนี้ทำให้องค์กรละทิ้งผลิตภัณฑ์เหล่านี้หรือสร้างความสามารถในการตรวจจับเฉพาะเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของตนเอง

     การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า 45% ของ SOC จะประเมินการตัดสินใจระหว่างการพัฒนาเทียบกับการซื้อเทคโนโลยีการตรวจจับ AI ใหม่ภายในปี 2027 โดยเน้นที่การปรับปรุงความสามารถของการวิเคราะห์ความปลอดภัย

     การหลอมรวมเทคโนโลยีการตรวจจับ AI ที่สร้างขึ้นเอง เข้ากับเครื่องมือและระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่เดิมสามารถปรับปรุงกระบวนการด้านความปลอดภัยโดยรวมขององค์กรได้อย่างมาก เมื่อระบบ AI เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับเครื่องมือและแพลตฟอร์มปัจจุบัน ระบบเหล่านี้จะสามารถทำงานร่วมกันได้โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของเทคโนโลยีแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีขั้นสูง

     การประเมินผลกระทบทางการเงิน การปฏิบัติงานและกลยุทธ์ที่มีความสัมพันธ์กันของการสร้างเทียบกับการซื้อเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI เป็นสิ่งสำคัญ เช่นเดียวกับการมีชุดทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการ

 ทักษะด้านความปลอดภัยที่กร่อนหายไป

     ผู้นำธุรกิจที่ผลักดันให้มีระบบอัตโนมัติและ AI มากขึ้น ภายในปฏิบัติการด้านความปลอดภัยเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ จะนำไปสู่การลดลงของทักษะการวิเคราะห์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้ การ์ทเนอร์จึงคาดการณ์ว่า 75% ของทีมงาน SOC จะประสบกับการกร่อนหายไปของทักษะเหล่านี้ ภายในปี 2030

      โปรแกรมการเรียนรู้ การพัฒนา และการรับรองด้านความปลอดภัยจะเปลี่ยนจากการฝึกอบรมระหว่างปฏิบัติงานไปสู่การนำเสนอแนวทางการป้อนข้อมูลและการพัฒนากระบวนการอัตโนมัติมากขึ้น นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ภัยคุกคามและเหตุการณ์ที่เกิดจากมนุษย์จะกระจุกตัวอยู่ที่ผู้ขายและผู้ให้บริการภายนอกเท่านั้น

      องค์กรต้องมีส่วนร่วมกับนักวิเคราะห์ความปลอดภัยของตนในตอนนี้ เพื่อกำหนดบทบาทความต้องการให้กับพวกเขาอย่างชัดเจน หากมีการใช้โซลูชันความปลอดภัยของ AI และระบบอัตโนมัติ โดยการหารือถึงความเป็นไปได้ที่แท้จริงของการกัดกร่อนทักษะอันเนื่องมาจากAI พร้อมระบุว่าฟังก์ชัน SOC ที่นำโดยมนุษย์ยังคงมีอยู่ในจุดไหน รวมถึงวิธีเปลี่ยนบทบาทนักวิเคราะห์ SOC ไปสู่งานที่ต้องใช้การตัดสินใจของมนุษย์ตามแนวทาง Human-in-the-Loop มากขึ้น

     นอกจากนี้ ควรจัดทำกรณีทางธุรกิจเพื่อบำรุงรักษาศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย (SOC) จากภายใน เพื่อตอบโต้แรงกดดันจากผู้นำธุรกิจ ซึ่งมนุษย์ยังคงได้เปรียบเหนือเครื่องจักรในด้านความรู้ขององค์กร พลวัตสำนักงานที่จับต้องไม่ได้และการตัดสินใจโดยสัญชาตญาณ

บทความโดย : Pete Shoard รองประธานนักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์

Follow Us

Lasted News

Scroll to Top