อีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เตรียมทุบสถิติใหม่ ด้วยแรงหนุนจากการชำระเงินดิจิทัลและการค้าข้ามพรมแดนที่เติบโต

     รายงานล่าสุดจาก IDC บริษัทวิจัยข้อมูลตลาด ซึ่งจัดทำตามคำสั่งของ 2C2P แพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก และแอนทอม (Antom) คาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตจนมีมูลค่าสูงถึง 11.21 ล้านล้านบาท (หรือราว 325,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในปี 2571 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการชำระเงินดิจิทัลและการทำงานร่วมกันในระดับภูมิภาค ซึ่งจะเป็นการปลดล็อคเพิ่มโอกาสของธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนให้มากขึ้นกว่าเดิม

     รายงาน How Southeast Asia Buys and Pays 2025ในปีนี้ เป็นรายงาน IDC InfoBrief ฉบับที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2564 จากผู้ตอบแบบสอบถาม 600 รายในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยตรวจสอบภูมิทัศน์การชําระเงินดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งภาพรวมและในแต่ละตลาด ในฐานะที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับที่ 5 ของโลก แนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับแรงขับเคลื่อนโดยภาคอีคอมเมิร์ซที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีปัจจัยหนุนจากการใช้ระบบชำระเงินดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น

    รายงานฉบับนี้ สำรวจภูมิทัศน์การชำระเงินดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปในภูมิภาค ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการชำระเงินในแต่ละตลาด รวมถึงข้อมูลเชิงลึกว่าแนวโน้มต่างๆ เหล่านี้จะมีส่วนช่วยพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ และวางรากฐานสำหรับโอกาสการเติบโตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตได้อย่างไรบ้าง

ประเด็นสำคัญจากรายงาน:

    การทำความเข้าใจภาพรวมของภูมิทัศน์การชำระเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างครบถ้วน เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงเศรษฐกิจที่มีมูลค่าถึง 11.21 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ การเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงตลาดท้องถิ่นจำเป็นต้องนำเสนอวิธีการชำระเงินที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับประสบการณ์โดยรวมของผู้บริโภค แต่ยังเพิ่มแนวโน้มในการซื้อสินค้า (conversion rate) อีกด้วย

     · การเติบโตของการชำระเงินดิจิทัลในอีคอมเมิร์ซ: คาดการณ์ว่าภายในปี 2571การชำระเงินดิจิทัลจะมีสัดส่วนถึง 94% ของการชำระเงินทั้งหมดในตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการเติบโตที่สำคัญที่สุดจะเป็นช่องทางการชำระเงินภายในประเทศ (97.9%) และกระเป๋าเงินดิจิทัล (94.9%) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคที่มีการใช้บัตรเครดิตน้อยกว่า

     · การเพิ่มขึ้นของการชำระเงินแบบเรียลไทม์ (RTPs): การชำระเงินแบบเรียลไทม์จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2571 โดยคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 379.5 ล้านล้านบาท (หรือราว 11 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเริ่มเห็นการเติบโตของ RTPs อย่างชัดเจนแล้วในสิงคโปร์ เช่น  PayNow เป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับสาม จากผลสำรวจผู้ค้าในปี 2567 การเติบโตของการชำระแบบเรียลไทม์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับแรงผลักดันจากโครงการริเริ่มของรัฐบาลที่มุ่งลดการพึ่งพาเงินสดและส่งเสริมวิธีการชำระเงินที่รวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ ซึ่งตอบสนองความต้องการของทั้งผู้บริโภคและผู้ค้า

      · กระเป๋าเงินดิจิทัลและช่องทางการชำระเงินภายในประเทศครองความนิยม:กระเป๋าเงินดิจิทัลและช่องทางการชำระเงินภายในประเทศเป็นที่นิยมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2566 กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ขณะที่ช่องทางการชำระเงินภายในประเทศครองความนิยมในสิงคโปร์ และไทย แนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไปในปี 2567 โดยกระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับสองจากผลสำรวจผู้ค้าในสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ และเป็นอันดับสามในอินโดนีเซียและไทย

นอกจากนี้ ยังมีโอกาสสำคัญอีกมากมายจากธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

     · โอกาสในตลาดของธุรกิจการค้าข้ามพรมแดน: คาดว่าธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีมูลค่าสูงถึง 5.04 แสนล้านบาท (หรือราว 14.6พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2571 ซึ่งนับว่าเติบโตขึ้น 2.8 เท่าจากปี 2566 อีกสิ่งที่น่าสนใจคือมูลค่าเฉลี่ยของการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อผู้บริโภค 1 คนมักจะมีมูลค่าสูงกว่าการทำธุรกรรมภายในประเทศ ยกเว้นที่เวียดนามและอินโดนีเซีย สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาคนี้

     · การขับเคลื่อนธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนด้วยโครงการ Regional Payment Connectivity (RPC): ธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากโครงการ RPC ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศทั้ง 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างและปรับปรุงระบบชำระเงินระหว่างประเทศให้มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และคุ้มต้นทุนยิ่งขึ้น

     · ธุรกรรมข้ามพรมแดนให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น: จากการสำรวจพบว่า 62% ของผู้ค้าชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนสามารถทำรายได้จากธุรกรรมดังกล่าวสูงกว่าธุรกรรมภายในประเทศ โดยเฉลี่ย 21% ดังนั้น ผู้ค้าที่ต้องการขยายธุรกิจสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้จากการมองหาตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน

     · ศักยภาพของการค้าภายในภูมิภาคที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่: แม้ว่าการค้าภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ยังมีการใช้ประโยชน์น้อยกว่าที่ควรในแต่ละตลาด ดังนั้น เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ผู้ค้าจำเป็นต้องทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ พร้อมทั้งใช้ข้อได้เปรียบร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม ธุรกิจสามารถปลดล็อกศักยภาพของการค้าภายในภูมิภาคและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนได้

     แอกเนส ฉัว (Agnes Chua) กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของ 2C2P กล่าวว่า อีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ผู้ค้าต่างตระหนักถึงโอกาสมหาศาลจากการเติบโตนี้ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนรายได้จากอีคอมเมิร์ซ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจ เช่น การให้บริการแก่ผู้บริโภค การแก้ไขปัญหา การผสานระบบช่องทางชำระเงิน และปัญหาทางเทคโนโลยี

     2C2P ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจ โดยนำเสนอโซลูชันการชำระเงินที่ช่วยลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน เพิ่มศักยภาพให้แก่ธุรกิจการค้าข้ามพรมแดน และขับเคลื่อนการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคนี้ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ค้าสามารถปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

     แกรี่ หลิว ผู้จัดการทั่วไปของแอนทอม – แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านดิจิทัลคอมเมิร์ซและนวัตกรรมอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องอาศัยระบบธุรกรรมที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพในการขยายการเติบโตข้ามพรมแดน และเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน แอนทอมมองว่าระบบการชำระเงินไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นตัวเร่งการเติบโตของธุรกิจ

     เราทำงานร่วมกับ 2C2P และบริษัทอื่นๆ ในเครือข่ายของแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ค้าด้วยการมอบโซลูชันส์ด้านการชำระเงินดิจิทัลที่ครบวงจร ในขณะเดียวกัน ยังค้นหาโอกาสใหม่ๆ ด้านบริการระบบบัญชี การจัดหาเงินทุน และการบริหารการเงินระดับโลก เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต บริษัทของเรายังได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลระดับท้องถิ่นและพันธมิตรในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจทุกขนาด ช่วยให้พวกเขาเติบโตท่ามกลางเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”

Follow Us

Lasted News

Scroll to Top