บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยทิศทางและแผนการดำเนินธุรกิจในไทยตั้งเป้าปีนี้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 5% และมุ่งก้าวสู่ ท็อป 5 ในตลาดยานยนต์ไทย ภายในทศวรรษที่ 2 ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก เตรียมส่งรถยนต์ไฟฟ้า และ ไฮบริด รุ่นใหม่ เพิ่มเติมพอร์ตโฟลิโอภายในปี 2026 เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เติมเต็มพรีเมียมอีวี NEW MG IM6 เข้าเสริมทัพ ชูจุดเด่น The First-ever Premium Intelligent e-SUV ที่มาพร้อมกับความสามารถในการชาร์จเร็วที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้ฟังก์ชันครบถ้วน พร้อมแรงม้าสูงถึง 778 แรงม้า สะท้อนภาพยนตรกรรมที่ล้ำสมัย มอบความตื่นเต้นให้ลูกค้า พร้อมส่งมอบในช่วงเมษายนนี้
เอ็มจี สร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญในวงการยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพสูงที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการขับเคลื่อนในหลากหลายเซกเมนต์ด้วยจุดเด่นของฟีเจอร์ที่ครบถ้วนและราคาที่เข้าถึงง่าย ด้วยยอดขายสะสม ณ ปัจจุบันรวมกว่า 220,000 คัน ทั้งยังมียอดการส่งออกรถยนต์จากฐานการผลิตในไทยไปยังภูมิภาคอาเซียนแล้วมากกว่า 32,000 คัน ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จที่ได้รับความเชื่อมั่นไม่เพียงแค่ตลาดภายในประเทศ แต่ยังขยายไปสู่การเติบโตในระดับภูมิภาคได้อย่างมั่นคง ในทศวรรษที่ 2 เอ็มจี ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
เอ็มจี มีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ และรถไฮบริด เพิ่มเติมภายในปี 2026 เริ่มต้นด้วย NEW MG IM6 ยนตรกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นเรือธง เติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมอีวี และ B-SUV ไฟฟ้าล้วน อย่าง NEW MG S5 EV ที่จะเปิดตัวในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 พร้อมเสริมทัพแผนการขยายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพลังงานทางเลือกตามเทรนด์โลก และมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1. การตอกย้ำความเป็นผู้บุกเบิกด้านยานยนต์ไฟฟ้าในไทยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง
เอ็มจี มุ่งมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่เน้นสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยและคุ้มค่าโดยภายในปี 2026 เอ็มจี เตรียมขยายไลน์อัพรถไฟฟ้าใหม่ ทั้ง SUV และ MPV นอกจากนี้ เอ็มจี ยังเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่มอบการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์สำคัญของแบรนด์ เพื่อคลายความกังวลเกี่ยวกับความทนทานของระบบไฟฟ้าและเพิ่มมูลค่าให้กับรถมือสอง ทั้งยังให้ความสำคัญกับการยกระดับโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เพื่อให้พร้อมต่อการขยายตัวในการใช้รถอีวี
2. การพัฒนายานยนต์พลังงานทางเลือก เพื่อเสริมประสิทธิภาพและยกระดับประสบการณ์การขับขี่
เอ็มจี เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดภายใต้แนวคิด “Global Quality, Local Relevance” ด้วยการนำเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชันที่ 2 จาก SAIC MOTOR CORPORATION มาชูจุดเด่นด้านสมรรถนะที่ดีขึ้น การประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่า และการขับขี่ที่นุ่มนวล พร้อมคงความคุ้มค่าในการใช้งาน พร้อมกันนี้ เอ็มจี ยังเตรียมขยายไลน์อัพรถยนต์ไฮบริดอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดตัวรุ่นใหม่ภายในปี 2026 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยทั้งในกลุ่มครอบครัวและกลุ่มที่มองหาความประหยัดเป็นหลัก
3. สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในทุกด้าน
เอ็มจี ยกระดับบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนา E-Workshop ระบบบริการดิจิทัล ที่ให้ลูกค้าติดตามงานซ่อมได้แบบเรียลไทม์ สะดวก และมั่นใจได้ในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ เรายังตั้งเป้าอัตราการจัดหาอะไหล่ 99% เพื่อให้บริการได้รวดเร็ว ลดระยะเวลารอคอย พร้อมเสริมด้วยบริการ ช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และการดูแลแบบใส่ใจรายบุคคล เพราะที่ เอ็มจี เราเชื่อว่า ลูกค้าทุกคนคือคนสำคัญ และเราพร้อมดูแลตลอดการเดินทาง
4. การขับเคลื่อนแบรนด์สู่ความยั่งยืน พร้อมเคียงข้างสังคมไทย
เอ็มจี ยังคงเดินหน้าพันธกิจนำแบรนด์สู่ความยั่งยืน โดยบูรณาการความร่วมมือกับทั้งลูกค้าพาร์ทเนอร์ และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อพัฒนาองค์กรและสังคมไปพร้อมกัน ทั้งยังสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคม และมุ่งถ่ายทอดทักษะด้านนวัตกรรมในการพัฒนาเทคโนโลยี NEV ด้วยเผยการขยายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อต่อยอดสู่การพัฒนาทักษะในอนาคตและสร้างบุคลากรเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพ
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัว NEW MG IM6 ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “ขับเคลื่อนตัวตน บนความเป็นตัวเอง” (I’M WHO I’M) โดยนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับเติมเต็มทั้งความหรูหราและการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าที่ไม่เพียงแค่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังสะท้อนถึงตัวตนของผู้ขับขี่ผ่านการออกแบบที่โดดเด่นและแตกต่างอย่างมีสไตล์
ภายใต้คอนเซ็ปต์ Gentle Sculpture ทั้งยังคำนึงถึงการใช้หลักอากาศพลศาสตร์ หรือ Aero Dynamics ในการออกแบบเพื่อช่วยเสริมสมรรถนะและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถได้อย่างลงตัว ผสานกับการออกแบบภายในที่เน้นความสะดวกสบาย ด้วยเบาะPOPO Sofa รูปทรงขนมปังที่มอบความนุ่มนวล ไม่ว่าเส้นทางไหนก็นั่งสบายตลอดทาง เสริมความบันเทิงด้วยหน้าจออัจฉริยะระบบสัมผัส Intelligent Immersive Touch Screens จำนวน 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว ที่รองรับระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS ที่ได้รับการพัฒนาโดย Alibaba Group ซึ่งระบบดังกล่าวยังได้รับรางวัล Red Dot Design Award สาขา Brand & Communication Design รวมถึงระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 ตำแหน่ง ให้ลูกค้าได้เต็มอิ่มกับเครื่องเสียงรอบทิศทางขณะการเดินทาง
NEW MG IM6 ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะและเทคโนโลยีระดับสูง ด้วยแชสซีดิจิทัลอัจฉริยะ IM Digital Chassis ที่มอบความสมดุลและประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุดที่ 778 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 802 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 100 kWh ที่รองรับแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลต์ ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะทาง 634 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC มาพร้อมระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงเสถียรและการกลับรถในที่แคบได้อย่างง่ายดาย
รวมถึงระบบ One Touch iADที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) รวมถึงการจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse) สะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกันเพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ยังมีระบบ Cooling System เจเนอเรชันใหม่ที่สามารถระบายความร้อนถึง 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที และมอบความขั้นกว่าด้วยสถาปัตยกรรม 800V Dual SiC Platform ที่ทำให้ NEW MG IM6 เป็นรถที่ชาร์จไฟได้เร็วที่สุดในคลาสเดียวกันและยังสามารถเพิ่มระยะทาง การขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุ่นใจกับการใช้รถไฟฟ้าด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) ปลอดภัยในทุกการเดินทาง ด้วย
ระบบ ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM และ ADAS รวมถึงระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ที่ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานระดับ 5 ดาว จาก China NCAP พร้อมดีไซน์ระบบให้รองรับ EURO-NCAP ต่อไป นอกจากนี้ NEW MG IM6 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือกว่าทุกมาตรฐาน ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist) ที่ทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายดายแม้ในพื้นที่จำกัด และระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ช่วยให้การขับขี่ในสภาพอากาศที่ยากลำบากยังคงมีความชัดเจน อีกทั้งยังมีระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดแรงกระแทกต่อพื้นถนนถึงห้องโดยสาร แต่ยังสามารถปรับระดับความสูงของช่วงล่างได้ถึง 3 ระดับ ตามลักษณะการขับขี่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย
NEW MG IM6 มาด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น PREMIUM ราคา 1,399,900 บาท และ รุ่น PERFORMANCE ราคา 1,799,900 บาท และ