รวบคาบ้าน! จับโจรตระเวนลักทรัพย์อุปกรณ์เสามือถือทรู สร้างความเดือดร้อนประชาชนใช้งานมือถือ

     ตำรวจ สภ. โพธารามไล่ตามรวบโจรตระเวนลักทรัพย์อุปกรณ์เสามือถือรายใหญ่ในภาคกลาง โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกและจังหวัดราชบุรี โดยจับกุมคนร้ายได้ที่บ้านพักพร้อมยึดของกลางชุดอุปกรณ์ควบคุมสัญญาณมือถือมูลค่าหลายล้านบาท ซึ่งเตรียมนำมาแปลงสภาพก่อนส่งขายมือสอง ตำรวจพร้อมมุ่งกวาดล้างต่อเนื่องหวังทลายแก๊งโจรและเครือข่ายลักลอบขายอุปกรณ์โทรคมนาคมในตลาดมืด ด้านทรู คอร์ปอเรชั่นลุยแจ้งจับดำเนินคดีถึงที่สุดพร้อมร่วมมือตำรวจทุกพื้นที่ หวังหยุดสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ส่งผลกระทบต่อการให้บริการสัญญาณมือถือหลายพื้นที่

     กรณีคนร้ายตระเวนลักทรัพย์อุปกรณ์เสามือถือของ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ราว 10 กว่าแห่งในภาคกลาง โดยล่าสุดเหตุเกิดที่เสามือถือชุมชนวัดขนอน ตำบลสร้อยฟ้า อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งแก๊งคนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกรุกเข้ามาขโมยถอดอุปกรณ์ประจำสถานีฐาน หวังนำอุปกรณ์ที่ลักทรัพย์ไปแปลงสภาพ (refurbish) ก่อนส่งขายย้อมแมวแหล่งตลาดมืดต่อไป ส่งผลกระทบให้ประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ไม่สามารถใช้บริการโทรศัพท์มือถือได้ตามปกติ

     จากการสืบสวนทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรโพธาราม จังหวัดราชบุรี ได้เข้าจับกุมนาย กอ (นามสมมุติ) อายุราว 40 ปี คนร้ายได้คาบ้านที่จังหวัดราชบุรี โดยผู้ต้องหารับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ซึ่งเป็นของกลางอุปกรณ์ควบคุมการส่งสัญญาณประจำเสามือถือจำนวนมากที่บ้านพัก มีมูลค่าหลายล้านบาท ก่อนเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ไปยังเครือข่ายแก๊งโจรข้ามจังหวัด โดยคนร้ายดังกล่าวนับเป็นผู้ต้องหารายสำคัญหนึ่งในแก๊งตระเวนลักทรัพย์และทำมานาน

    บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ดำเนินการฟ้องร้องทางอาญาทุกกรณีในข้อหาลักทรัพย์ซึ่งเป็นความผิดสถานหนัก ไม่ว่าจะกระทำความผิดคนเดียวหรือตั้งแต่สองคนขึ้นไป ใช้ยานพาหนะ หรือลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเหตุฉกรรจ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 โดยระวางโทษจำคุกได้ถึง 7 ปี และปรับสูงสุดถึงหนึ่งแสนบาท แล้วแต่กรณี โดยมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ การฟ้องร้องดำเนินคดีในความผิดฐานนี้ไม่สามารถยอมความได้ พร้อมทั้งจะฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากทรัพย์สินด้วยมูลค่าสูงสุด

     ทั้งนี้ เพื่อป้องกันเหตุลักลอบขโมยอุปกรณ์ที่เสามือถือ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เร่งติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดที่สถานีฐานเพิ่มเติม พร้อมทั้งใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเฝ้าระวังและดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ (BNIC) เพื่อให้สามารถตรวจจับและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ลดผลกระทบต่อการใช้งานของลูกค้า

Scroll to Top